‘The Martian’ ดาวอังคารคือความหวังต่อไปของมนุษย์โลกจริงหรือ?

หลังจากที่ได้มีตัวเลขทางสถิติมากมายออกมาแสดงให้เห็นถึงความเสื่อมทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อมและการลดลงของทรัพยากรธรรมชาติมากมายในโลกอย่างเกินจะเยียวยา แม้จะได้มีการเร่งผลักดันโครงการหลายอย่างเพื่อช่วยฟื้นฟูโลกให้กลับสู่สมดุลเป็นการด่วน แต่ก็เหมือนว่าหลายอย่างอาจจะสายจนเกินแก้เพราะมนุษย์ที่มากมายต่างก็เอาแต่จะใช้พลังงานและทำลายสิ่งแวดล้อมให้เสื่อมโทรมลงทุกวัน ไอเดียใหม่อย่างการย้ายถิ่นฐานไปอยู่ดาวอื่นจึงกลายเป็นหนึ่งในทางออกที่ถูกพูดถึงกันบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน โดยเฉพาะการย้ายไปอยู่ที่ ดาวอังคาร หนึ่งในดาวเคราะห์เพื่อนบ้านที่ไม่ไกลจากโลกมาก จนอดไม่ได้ที่จะหยิบยกภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์อวกาศเรื่อง The Martian ที่เล่าถึงการใช้ชีวิตเอาตัวรอดบนดาวอังคารของนักบินอวกาศรายหนึ่งมาพูดถึงอีกครั้ง

เอาตัวรอดเมื่อต้องอยู่คนเดียวบนดาวอังคาร

The Martian เป็นเรื่องราวของโลกอนาคตในปี ค.ศ.2035 เมื่อเทคโนโลยีอวกาศพัฒนาถึงขั้นที่สามารถส่งนักบินอวกาศไปสำรวจดวงดาวต่าง ๆ ในจักรวาลอย่างปลอดภัย วันที่ 18 ของภารกิจสำรวจดาวอังคาร คณะนักบินอวกาศกลุ่มหนึ่งถูกพายุฝุ่นพัดเล่นงานจน Mark Watney หมดสติและเครื่องส่งสัญญาณชีพเสียจนทำให้หัวหน้าภารกิจเข้าใจผิดว่าเขาเสียชีวิตแล้วจึงได้ตัดสินใจให้ทุกคนอพยพออกจากพื้นที่อพยพกลับโลกโดยทิ้งร่างของเขาไว้ แต่ปรากฎว่า Mark ยังไม่ตาย หลังจากฟื้นและหลบเข้าไปพักในที่พักชั่วคราวได้เขาก็หาทางติดต่อกับนาซ่าเพื่อขอความช่วยเหลือ และคำตอบคือเขาต้องรอการช่วยเหลือและหาทางเอาตัวรอดบนดาวอังคารอย่างโดดเดี่ยวนานถึง 900 วันเพื่อรอคอยการช่วยเหลือจากยานอวกาศมารับเขากลับไปยังดาวโลกอีกครั้ง 

เรื่องราวการเอาตัวรอดของ Mark บนดาวอังคารในแต่ละวันเป็นเรื่องท้าทาย บางครั้งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันทำให้เขาต้องคอยประยุกต์หาทางแก้ไขเพื่อเอาตัวรอดให้ได้ ทักษะการสร้างน้ำจากปฏิกิริยาทางวิทยาศาสตร์ การปลูกพืชจากมูลแห้งและคุมสภาวะแวดล้อมให้เหมาะสมต่อการเติบโต รวมถึงการปรับตัวต่อสภาพแรงโน้มถ่วงที่แตกต่างกัน แม้จะเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนบทแต่ก็ล้วนมีพื้นฐานมาจากวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเกิดขึ้นได้จริง และท้ายที่สุดแล้ว Mark ก็สามารถมีชีวิตรอดบนดาวอังคารจนครบวาระได้สำเร็จ แม้จะเป็นเพียงเรื่องสมมติในภาพยนตร์ แต่หลักการต่าง ๆ ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาก็ชวนให้มีความหวังว่าบางทีดาวอังคารอาจจะเป็นหนึ่งความหวังในอนาคตของมนุษยชาติได้ต่อไปใช่หรือไม่?

หันมารักษ์โลก ก่อนไม่มีโลกให้รัก

ไม่ว่าในอนาคตจะเกิดขึ้นอะไรขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราควรต้องคิดถึงอยู่เสมอคือเรื่องของปัจจุบัน ทุกวันนี้เราสามารถทำอะไรเพื่อถนอมดูแลรักษาโลกใบนี้ได้บ้าง แม้อาจจะมีความหวังเรื่องของการย้ายถิ่นฐานไปอยู่ดาวดวงใหม่ในอนาคตอยู่บ้าง แต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่ดีที่สุดอาจจะเป็นการฟื้นฟูบ้านเกิดของเราให้ดี หยุดทำลายธรรมชาติและใช้ทรัพยากรอย่างไม่รู้คุณค่า  รักษ์โลกให้มากก่อนจะไม่มีโลกให้รัก