หนังแฟนตาซี ในปี 1999 ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าตัวเอกนั้นไม่ใช่นางฟ้า เทวดา หรือภูติน้อย เหมือนหนังแฟนตาซีทั่วไป แต่เป็นชายร่างใหญ่ ผิวสีที่ดูหน้าเกรงขาม หนังเรื่องนั้นก็คือ “Green Mile” ซึ่งเนื้อหาของหนังถูกเล่าผ่าน พอล เอดจ์คอมบ์ อดีตพัศดีของเรือนจำ โคลด์ เมาท์เทนท์ ซึ่งงานของเขาคือการดูแลนักโทษประหาร ที่รอการประหาร ซึ่งนักโทษแต่ละคนที่อยู่ในแดนนี้ต่างได้รับการดูแลอย่างดีโดยพอล และเพื่อนๆ จนวันหนึ่งที่ จอห์น ค๊อฟฟี่ นักโทษคดีฆาตกรรมเด็กหญิงถึง2คน ถูกฝากขังเพื่อรอรับโทษประหารเข้ามา เรื่องมหัศจรรย์ต่างๆก็เกิดขึ้น กรีนไมล์ เป็นผลงานอีกเรื่องที่ถูกดัดแปลงจากหนังสือที่แต่งโดย สตีเฟ่น คิง ซึ่ง แฟรงค์ นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ต่อจาก ขอว์แชงค์ ซึ่งยิ่งติดตามหนังของแฟรงค์ ก็ยิ่งทำให้ผมอยากจะทำความรู้จัก สตีเฟน คิง มากขึ้น เพราะจากการที่ได้ดูหนังทั้ง 2 เรื่อง ทำให้ผมรู้สึกสนใจในความคิดของ สตีเฟน เพราะแต่ละเรื่องนั้นมีแนวคิดที่ถือว่าแปลกใหม่มาก ยิ่งถ้าเราคิดว่าเราเป็นคนสมัยนั้นเราคงทึ่งในความคิดของสตีเฟ่น ที่ฉีกกฎหนังเรื่องก่อนๆ ที่ผู้วิเศษนั้นต้องรูปงาม และถ้าหากอยากลองชมผลงานชิ้นล่าสุดที่ถูกนำมาทำเป็นหนังก็ไม่ต้องย้อนไปไกลเลย เพราะเรืองนั้นคือ IT (โผล่จากนรก) หนังสยองขวัญที่เพิ่งเข้าฉายไปเมื่อเดือนกันยายน และหลังจากที่ประสบความสำเร็จกับรายได้ที่เข้าฉาย ล่าสุดได้มีการประกาศว่าภาคต่อของหนังเรื่องนี้จะเข้าฉายในปี 2019 ลังจากที่นอกเรื่องไปที่ผู้กำกับและผู้เขียนไปมาก กลับมาที่เนื้อหาของหนังว่าหนังเรื่องนี้นั้นเหมาะกับใคร ก็คงต้องตอบว่าหนังเรื่องนี้เหมาะกับคอหนังทุกประเภท ดราม่า แฟนตาซี แต่สำหรับผมหนังก็ได้แฝงแนวคิดของคนสมัยนั้นที่ยังมีการเหยียดผิวและการแบ่งชนชั้นกันในสังคม แต่ก็ยังมีอีกฝ่ายที่เข้าใจและไม่ดูถูกความเป็นคนของนักโทษ
สุดท้ายนี้ก็ยังคงอยากเชิญชวนให้เพื่อนๆลองย้อนกลับมาดูหนังเก่าๆ อาจจะเป็นหนังที่เราเคยดูแล้วหรือหนังที่เราเหมาะเคยดู เพราะผมเชื่อว่าหนังทุกเรื่องได้แฝงความคิดและไลฟ์สไตล์ของผู้คนในสมัยนั้นเอาไว้ ทำให้เวลาที่เรากลับไปดูหนังเหล่านั้น ซึ่งถึงแม้เนื้อหาจะเป็นเรื่องที่ทันสมัยในสมัยนั้น มันก็เหมือนกับว่าเราย้อนเวลากลับไปเป็นตอนที่เราอายุเท่านั้นจริงๆ ซึ่งความรู้สึกนั้นมันช่างมีความสุขจริงๆครับ