โดยทั่วไปแล้ว หนัง กับเพลงประกอบหนัง เป็นสิ่งที่ต้องมาคู่กันเสมอ ในส่วนของเพลงนั้น แม้จะเป็นองค์ประกอบรอง แต่ก็เรียกได้ว่าขาดกันไม่ได้เลย เพราะเพลงประกอบสามารถสร้างสีสัน บรรยากาศ อารมณ์ ขับเน้นโทนของหนังให้ชัดเจน และช่วยถ่ายทอดเรื่องราวที่ผู้กำกับหนังต้องการจะสื่อออกมา แต่ถ้าหากว่าเป็นหนังประเภทมิวสิคัลแล้ว เพลงที่ใช้ในหนังเรื่องนั้น ๆ จะกลายเป็นองค์ประกอบหลัก ในการบอกเล่าเรื่องราวแทนบทสนทนา หนังมิวสิคัลพัฒนามาจากละครเวทีประเภทมิวสิคัล ซึ่งเมื่อการร้องการเต้นได้เปลี่ยนสถานที่จากบนเวทีมาอยู่บนจอภาพยนตร์ จึงสามารถใช้เทคนิคด้านการถ่ายภาพ และตัดต่อเข้ามาช่วยสร้างความน่าสนใจ และสามารถสร้างฉาก หรือใช้เทคนิค CG ได้โดยไม่ต้องคอยเปลี่ยนฉากแบบในโรงละคร หากจะให้พูดถึงหนังมิวสิคัลที่มีความดีงามทั้งพล็อตและเพลง ที่ได้สร้างความประทับใจให้คนรักหนังและเสียงเพลงมาแล้ว ชื่อของหนัง La La Land ก็น่าจะถูกพูดถึงมาก่อนเป็นอันดับต้น
มิวสิคัลแห่งยุค
ได้รับเสียงชื่นชมมากมาย และมีหลายรางวัลการันตี แม้จะพลาดออสการ์ไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก็ถือเป็นหนังมิวสิคัลแห่งยุคนี้เลยก็ว่าได้ หนังเล่าเรื่องราวของหญิงสาวที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดง และหนุ่มนักเปียโนผู้คลั่งไคล้ดนตรีแจ๊ส ซึ่งทั้งสองคนได้มาพบกัน ขณะที่แต่ละคนกำลังเดินตามฝันของตนเองในเมืองลอส แองเจลิส เรื่องราวความรัก ความผูกพัน และความมุ่งมั่นของทั้งคู่ ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านบทเพลงไพเราะกินใจมากมาย ตัวอย่างเช่น “City of Stars” ที่ได้ออสการ์สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาแล้ว
ไขว่คว้าฝันในนครดารา
ตัวหนังแม้จะเล่าเรื่องในยุคปัจจุบัน แต่ก็ให้ทั้งบรรยากาศย้อนยุค และร่วมสมัย แม้ว่าพล็อตเรื่องจะไม่ได้สลับซับซ้อนอะไร แต่ด้วยเทคนิคการเล่าเรื่องผ่านเสียงเพลงอันเป็นองค์ประกอบชั้นดี บวกกับเนื้อเรื่องที่เข้าถึงง่าย โดนใจคนในยุคนี้ที่อาจจะกำลังเดินตามฝันของตัวเองในเมืองใหญ่ หรือแม้บางคนไม่ได้กำลังทำแบบนั้นแต่ก็อาจมีความฝันอยู่ลึก ๆ จึงทำให้หนังเรื่องนี้สื่อสารถึงใจคนดูได้สบาย ๆ และด้วยเสียงเพลงเพราะ ๆ ที่ขับกล่อมตลอดทั้งเรื่อง ทำให้รู้สึกราวกับว่าถูกดึงอารมณ์ให้เข้าไปอยู่กับหนัง อินไปกับหนังได้ตลอดทุกอารมณ์ของหนัง ทั้งสนุก เศร้า ซึ้ง ตัวหนังเองก็มีบรรยากาศที่ค่อนข้างชวนฝัน จึงชวนให้เราเคลิบเคลิ้มและลอยละล่องไปตามเสียงเพลงได้ไม่ยาก
ความดีงามของหนังเรื่องนี้ นอกจากเพลงเพราะฟังเพลิน พล็อตเรื่องเข้าถึงง่ายแล้ว ยังได้ฝีมือของนักแสดงนำทั้งชายและหญิง คือ ไรอัน กอสลิง และเอ็มมา สโตน ที่เคมีเข้ากั๊น เข้ากัน มาทำให้หนังดูลื่นไหลไม่สะดุด เพราะทั้งคู่เป็น มีอา และ เซบาสเตียน ได้อย่างสมบูรณ์แบบมาก รวมทั้งองค์ประกอบอื่น ๆ เช่น บทภาพยนตร์ เครื่องแต่งกาย การถ่ายภาพ การตัดต่อ ที่ช่วยเนรมิตนครดารา หรือ La La Land ให้กลายเป็นหนึ่งในหนังมิวสิคัลที่ตราตรึงใจใครหลายคน ส่วนคนที่ได้รับความดีความชอบไปเต็ม ๆ ก็เห็นจะเป็น “ดาเมียน ชาเซล” ผู้กำกับมือรางวัลออสการ์ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์นั่นเอง